กำเนิดปากกา

ปากกา

ปากกา (PEN) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับการเขียน ปากกา จะใช้หมึกในการเขียนลงไปบนพื้นผิวเรียบๆ ส่วนมากจะเป็นกระดาษ ปากกา นั้นมีหมึกหลายสีให้เลือกใช้ เช่น สีน้ำเงิน สีแดง สีดำ สีเขียว และสีอื่นๆ แต่ที่นิยมมากก็จะเป็นหมึกสีน้ำเงิน และหมึกสีแดง นอกจากตัวอักษรหรือตัวหนังสือซึ่งมนุษย์ได้คิดประดิษฐ์ขึ้นมาใช้แล้ว “เครื่องมือ” หรือ “อุปกรณ์” ที่ใช้สำหรับการขีดเขียนก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะกว่าที่เราจะเขียนหนังสือด้วย “ปากกา”  หรือ “ดินสอ” ดังเช่นในปัจจุบันนี้ มนุษย์ต้องใช้เวลาในการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในการขีดเขียนเป็นเวลานานหลายพันปี ในยุคอดีตมนุษย์อาจจะใช้นิ้วจุ่มดินหรือหินสี ที่บดเป็นผงผสมกับยางไม้ หรือกาวจากหนังสัตว์ ขีดเขียนบนผนังถ้ำหรือเพิงผา ต่อมาอาจใช้ ดิน หิน ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม โดยการนำมาฝนหรือทำให้เป็นแท่งเพื่อความสะดวกในการขีดเขียน เช่น นำหินชนวนมาทำเป็นดินสอหิน สำหรับเขียนบนกระดานชนวน หรือการทำชอล์กจากผงแคลเซียมซัลเฟต จากเกลือจืด หรือยิปซั่มผสมน้ำ แล้วทำให้เป็นแท่งเพื่อสะดวกในการใช้งาน

จากการเขียนบนฝาผนังถ้ำ นำมาสู่การเขียนบนแผ่นไม้หรือแผ่นโลหะ ตลอดถึงการเขียนบนใบไม้ (เขียนหรือจารคัมภีร์โบราณลงบนใบลาน) มาจนถึงการประดิษฐ์กระดาษขึ้นใช้ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ มนุษย์ได้มีการพัฒนาเครื่องมือและกรรมวิธีในการเขียนมาอย่างต่อเนื่อง 

ชาวอียิปต์โบราณเป็นชาติแรกที่ใช้แปรงเขียนหนังสือบนแผ่นกระดาษที่ทำจากต้นปาปิรุส (papyrus) เป็นการเริ่มต้นวิธีการเขียนด้วยการปล่อยหมึกหรือสีบนแผ่นรองเขียน เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือด้วยพู่กันของจีนและญี่ปุ่น ซึ่งอาจเป็นแนวความคิดเบื้องต้นที่พัฒนาไปสู่การประดิษฐ์ “ปากกา” 

ปากกา

วิวัฒนาการของปากกา ชาวกรีกโบราณประดิษฐ์ ปากกา ขึ้นจากต้นกกไส้กลวง โดยการปาดให้มีปากหลายๆ แบบ ทำให้เขียนเส้นได้หลายขนาด ไม่ใช้หมึก แต่ใช้เขียนบนผิวไม้ที่เคลือบขี้ผึ้งไว้ ทำให้เกิดรอยเป็นตัวอักษรบนผิวขี้ผึ้ง การนำวัสดุผิวเรียบมาเป็นสิ่งรองเขียนก่อให้เกิดการพัฒนาเครื่องเขียนที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับการใช้สอย
ต่อมาเมื่อชาวจีนสามารถทำกระดาษสำหรับใช้เขียนหนังสือและส่งออกจำหน่ายไปได้ถึงทวีปยุโรป ปรากฎว่าปากกาที่ทำด้วยต้นกกไม่เหมาะสม ที่จะใช้เขียนบนกระดาษดังกล่าว จึงได้เปลี่ยนมาใช้ก้านขนห่านแทน มนุษย์เริ่มนำขนนกหรือขนห่านมาทำเป็น ปากกา เรียกว่า “ปากไก่”  สามารถเขียนได้คมชัดและเขียนติดต่อกันได้นาน ในศตวรรษที่ 5 “ปากไก่” เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้ในการเขียนหนังสือของชาวตะวันตก ในขณะที่ชาวตะวันออกยังนิยมใช้พู่กันไม้อยู่ แต่ทั้ง ปากไก่ และ พู่กัน ไม่มีหมึกในตัวเอง ต้องจุ่มหมึกทุกครั้งที่ใช้เขียนทำให้เขียนได้ไม่สะดวก ต่อมาประมาณศตวรรษที่ 15 มนุษย์เริ่มประดิษฐ์ ปากกา ที่มีปากเป็นโลหะและมีรอยผ่าตรงกลางปาก ทำให้เขียนได้นานโดยไม่ต้องจุ่มหมึกทุกครั้งที่เขียน ในประเทศอังกฤษมีการทำ ปากกา ชนิดนี้ขึ้นใช้กันอย่างแพร่หลาย มีการผลิต ปากกา ที่ปลายปากทำด้วยวัสดุต่างๆ กัน เช่น เขาสัตว์ เปลือกหอย เหล็กและทอง มีการผลิตกันมากขึ้นจนกลายเป็นโรงงานอุตสาหกรรม แข่งขันกันในเรื่องของความสวยงาม พร้อมกับประดิษฐ์กล่องและที่ใส่หมึกควบคู่ไปกับ ปากกา ด้วย แม้ว่าจะได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถประดิษฐ์ ปากกา ที่มีหมึกในตัวเองได้

ความพยายามของมนุษย์ในการแก้ไขปัญหา เพื่อให้มีน้ำหมึกอยู่ในตัวปากกาและสามารถพกพาไปได้อย่างสะดวกสบาย เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 แล้ว แต่เพิ่งมาเริ่มคิดค้นกันจริงจังในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อ Daniel Schwenter นักประดิษฐ์จากเยอรมนีเสนอแนวคิดเรื่องการเก็บน้ำหมึกไว้ในตัวปากกาครั้งแรก และในศตวรรษถัดมา ปากกา ชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันในนาม “fountain pen” หรือ “ปากกาหมึกซึม” ซึ่งเป็นผลผลิตของโลกสมัยใหม่อย่างแท้จริง

ปากกา

ชนิดของปากกา

  • ปากกาหมึกซึม (Fountain Pen) เป็น ปากกา ชนิดแรกๆของโลก โดยพัฒนามาจากปากกาแบบจุ่ม (ที่ต้องมีการจุ่มน้ำหมึกอยู่ตลอดเวลา) ปากกาหมึกซึม หัวปากกา หรือ นิบ เป็นบริเวณที่ใช้เขียน ลักษณะเป็นแท่งเหล็ก 2 อันประกบกันโดยด้านหนึ่งจะถูกทำให้มนซึ่งจะเป็นด้านสำหรับการเขียน อีกด้านจะเชื่อมต่อกับท่อเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อกับที่เก็บน้ำหมึก โดยบริเวณปลายหัวปากกาจะมีการเคลือบโลหะอิริเดียมเพื่อให้เขียนง่าย
  • ปากกาลูกลื่น (Ballpoint Pen) เป็น ปากกา ที่ส่วนปลาย ปากกา นั้นจะมีรูปร่างคล้ายกรวยที่ถูกตัดก้นออกไป ปากกาลูกลื่น มีน้ำหมึกที่มีความหนืดอยู่ภายใน หมึกจะติดกับกระดาษโดยการกลิ้งของลูกกลิ้งกลมแข็ง ขนาดประมาณ 700 – 1200 ไมโครเมตร อาจทำจากทองเหลือง เหล็กกล้า หรือทังสเตนคาร์ไบด์ หมึกจะแห้งทันทีที่สัมผัสกับกระดาษ ปากกา ชนิดนี้มีราคาถูกและใช้งานได้ดี ปากกาลูกลื่น จึงกลายมาเป็นเครื่องเขียนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันแทนที่ปากกาหมึกซึม
  • ปากกาเน้นข้อความ (Highlighter Pen) เกิดขึ้นช่วงยุค 1960 เมื่อนักประดิษฐ์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Yukio Horie ได้สร้าง ปากกา หัวสักหลาดที่ใช้หมึกสูตรน้ำเป็นไส้ใน เค้าใช้กลศาสตร์การไหลของของเหลวในการดึงหมึกให้กระจายเข้าไปอยู่ทั่วไส้ในของ ปากกา เมื่อ หัวปากกา ถูกกดลงไปบนกระดาษหมึกก็จะไหลติดกระดาษไปตามแรงกดนั้น
  • ปากกาหมึกเจล (Gel Ink Pen) ซึ่งอันที่จริงแล้วก็คือ ปากกาลูกลื่น  นั่นเองครับ เพียงแค่เปลี่ยนน้ำหมึกจากเดิมที่ใช้หมึกชนิดเดียวกับ ปากกาหมึกซึม  มาใช้น้ำหมึกแบบเดียวกับที่ใช้ในปากกาลูกลื่น  แต่ผสมน้ำหมึกให้มีความข้นน้อยลงกว่าเดิมจนมีลักษณะคล้ายเจล เพื่อให้เขียนได้ลื่นกว่า ปากกาลูกลื่น แต่น้ำหมึกแห้งช้ากว่า  จึงมีโอกาสที่จะเปื้อนกระดาษได้ง่าย
  • ปากกาเคมี  (Chemical Pen) หรือ ปากกาเมจิก เป็น ปากกา ที่มีน้ำหมึกในตัว ปลาย ปากกา มักจะทำจากวัสดุที่ซับน้ำหมึก เช่น เส้นใยอัด หรือผ้าสักหลาด ตัวด้าม (ทำจากพลาสติก, อะลูมิเนียม หรือแก้ว) จะมีโพรงด้านในที่บรรจุวัสดุที่ซับน้ำหมึก เช่น สักหลาด เอาไว้เพื่อเป็นตัวนำหมึกให้ค่อยๆ ซึมออกทางปลาย ปากกา และ ปากกา ชนิดนี้จะมีปลอกปากกาที่ปิดสนิทเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำหมึกแห้งขณะที่ไม่ได้ใช้งาน
  • ปากกาขนนก ภาษาอังกฤษเรียก ปากกาขนนก นี้ว่าควิล (Quill) เป็น ปากกา ที่เคยใช้ในอดีต เป็นที่แพร่หลายในแผ่นดินยุโรปมานานมาก เพิ่งจะมาเสื่อมความนิยมเอาตอนที่ ปากกาคอแร้ง เข้ามามีบทบาทเมื่อต้นศตวรรษที่ 19  ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มันอยู่ยงคงกระพันนานขนาดนั้นก็เพราะในสมัยก่อนโลหวิทยายังไม่เจริญพอที่จะสร้างหัวปากกาที่แหลมเล็ก แข็งแรง มีความยืดหยุ่น หรือมีรูกักน้ำหมึกเหมือนขนนกได้นั่นเอง ปากกาขนนก นั้นต้องทำมาจากขนปีกของนกขนาดใหญ่ เช่น เหยี่ยวหรือไก่ฟ้า เป็นต้น โดยนกแต่ละชนิดก็จะให้ขนที่มีความแข็ง ความยืดหยุ่นต่างๆ กันออกไป
  • ปากกาจุ่มหมึก (Dip Pen) ที่คนไทยเราเรียกว่า ปากกาคอแร้ง มีใช้มาตั้งแต่โบราณ โดยปากกาคอแร้ง แบบที่มีหัวปากกาทำจากโลหะ และส่วนปลายหัวปากกาแยกออกเป็นสองซีกแบบที่ใช้กันในปัจจุบัน มีใช้มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันแล้ว เครื่องเขียนแบบนี้ยังนับว่าเป็นเครื่องมือเพียงไม่กี่ชนิดในโลก ที่มีใช้มาตั้งแต่สองพันกว่าปี และยังคงใช้อย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้ โดยที่แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย
  • ปากกาจากต้นกก หรือ ปากกาไม้ไผ่ ชาวกรีกโบราณประดิษฐ์ ปากกา ขึ้นจากต้นกกไส้กลวง โดยการปาดให้มีปากหลายๆ แบบ ทำให้เขียนเส้นได้หลายขนาด ปากกาประเภทนี้ไม่ใช้หมึกแต่ใช้เขียนบนผิวไม้ที่เคลือบขี้ผึ้งไว้ ทำให้เกิดรอยเป็นตัวอักษรบนผิวขี้ผึ้ง
  • ปากกาควง ไว้สำหรับควงที่ใช้ในการเล่นควงปากกานั้น ต้องผ่านการปรับแต่งเพื่อให้ได้น้ำหนักที่สมดุล ความยาวที่พอเหมาะคือ 18-22 เซนติเมตร หรือคืบนึงของผู้เล่น โดยการนำชิ้นส่วนจาก ปากกา รุ่นอื่นๆหลายๆรุ่นมาประกอบเข้าด้วยกัน เรียกการปรับแต่งนี้ว่า “Modify” หรือเรียกย่อๆว่า Mod ซึ่ง ปากกา ที่ผ่านการปรับแต่งแล้วจะเรียกว่า”Mod Pen”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น

Call Now Button